​มาตรฐานการรีไซเคิลทั่วโลก (Global Recycled Standard: GRS)

​GRS หรือ Global Recycled Standard คือ มาตรฐานสากลที่ใช้ตรวจสอบและรับรองปริมาณของวัสดุรีไซเคิลที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ลดปริมาณขยะ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

​GRS ครอบคลุมอะไรบ้าง?

      • การตรวจสอบปริมาณวัสดุรีไซเคิล: GRS จะตรวจสอบและติดตามปริมาณของวัสดุรีไซเคิลที่แท้จริงที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ขั้นตอนการรวบรวมวัสดุรีไซเคิลจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
      • ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม: นอกจากการตรวจสอบปริมาณวัสดุรีไซเคิลแล้ว GRS ยังกำหนดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต เช่น การลดการปล่อยมลพิษ การจัดการน้ำเสีย และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
      • ข้อกำหนดด้านสังคม: GRS ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานที่เป็นธรรม เช่น การป้องกันการใช้แรงงานเด็ก การบังคับใช้แรงงาน และการจ่ายค่าจ้างที่เป็นธรรม
      • ข้อกำหนดด้านสารเคมี: GRS กำหนดข้อจำกัดในการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายในกระบวนการผลิต เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของคนงานและสิ่งแวดล้อม

​เหตุใดจึงต้องมี GRS?

      • ความน่าเชื่อถือ: GRS ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง GRS มีปริมาณวัสดุรีไซเคิลตามที่ระบุไว้จริง และผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
      • ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน: GRS สนับสนุนให้มีการนำวัสดุรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ
      • สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์: ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง GRS จะมีความโดดเด่นและน่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
      • ตอบสนองความต้องการของตลาด: ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกมีความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และต้องการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การมีเครื่องหมายรับรอง GRS บนผลิตภัณฑ์จึงเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดนี้

ผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่สามารถได้รับการรับรอง GRS?

​GRS สามารถนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์จากผ้า พลาสติก กระดาษ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล

​ประโยชน์ของ GRS ต่อธุรกิจ

      • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์: การได้รับการรับรอง GRS ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
      • ขยายตลาด: ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง GRS สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
      • ลดต้นทุน: การใช้วัสดุรีไซเคิลอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
      • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า: การทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ที่ได้รับการรับรอง GRS ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

​ประโยชน์ในด้านส่วนบุคคล

      • เพิ่มพูนความรู้และทักษะ: การอบรมจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มพูนความรู้และทักษะในด้านที่สนใจ ทำให้คุณมีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น
      • พัฒนาตนเอง: การอบรมจะช่วยให้คุณได้พัฒนาศักยภาพของตนเองในด้านต่างๆ เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม
      • เพิ่มความมั่นใจ: เมื่อคุณมีความรู้และทักษะที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้คุณมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น กล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ และมีความกล้าที่จะแสดงออก
      • ขยายมุมมอง: การได้พบปะผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพและวัฒนธรรม จะช่วยให้คุณได้เปิดโลกทัศน์และขยายมุมมองในการมองโลก
      • สร้างแรงบันดาลใจ: การได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณอยากพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น

​ประโยชน์ในด้านอาชีพ

      • เพิ่มโอกาสในการเลื่อนขั้น: การมีทักษะและความรู้ที่เพิ่มขึ้น จะทำให้คุณมีคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการขององค์กรมากขึ้น และมีโอกาสได้รับการเลื่อนขั้นหรือได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น
      • เพิ่มรายได้: การได้รับการอบรมจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอาจนำไปสู่การเพิ่มรายได้
      • ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง: โลกการทำงานในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การได้รับการอบรมจะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว
      • สร้างเครือข่าย: การเข้าร่วมอบรมจะทำให้คุณได้พบปะผู้คนในวงการเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เป็นประโยชน์ต่ออาชีพของคุณ
      • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง การมีทักษะและความรู้ที่แตกต่างจากผู้อื่น จะทำให้คุณมีความได้เปรียบในการแข่งขัน

สรุป

​GRS เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้นั้นมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน การได้รับการอบรมจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณพัฒนาตนเองแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงานอีกด้วย ดังนั้น หากมีโอกาส ควรที่จะหาโอกาสเข้าร่วมการอบรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานหรือความสนใจของตนเอง